ระบบป้องกันไฟลามที่ทนต่อการเคลื่อนตัว (FIRESTOP SYSTEMS TESTED TO WITHSTAND MOVEMENT)

ผลิตภัณฑ์ป้องกันไฟลามของฮิลติผ่านการรับรองต่างๆ ตามมาตรฐานอุตสาหกรรมล่าสุด

Firestop sytem test to withstand movement and fire

แผ่นดินไหวถือเป็นสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดความสูญเสียภายในอาคาร อย่างไรก็ตาม อีกสิ่งหนึ่งที่อาจก่ออันตรายได้ยิ่งกว่านั้นก็คือ เพลิงไหม้หลังเกิดแผ่นดินไหว เพลิงไหม้เป็นเหตุอันตรายหลังแผ่นดินไหวที่พบได้บ่อยที่สุด และมักจะเป็นผลมาจากความเสียหายของระบบท่อและสายไฟ

ฮิลติมีขั้นตอนการทดสอบอย่างเข้มงวดตามมาตรฐานอุตสาหกรรมล่าสุด ผลิตภัณฑ์ของเราจึงผ่านการทดสอบแล้วโดยหน่วยงานอิสระว่า สามารถทนต่อการเคลื่อนตัวในระหว่างที่เกิดแผ่นดินไหวได้

ผลิตภัณฑ์ของฮิลติคือตัวแทนความมุ่งมั่นของเราเพื่อเป้าหมายสูงสุดในการปกป้องชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพให้กับอาคาร

ผลกระทบที่เกิดจากการเคลื่อนตัวของอาคาร

เรามักจะพูดถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหวเฉพาะในกรณีที่ก่อให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง แต่ในความเป็นจริงแล้ว แผ่นดินไหวนั้นเกิดขึ้นทั่วโลกแทบจะทุกวัน แผ่นดินไหวเป็นเพียงแค่สาเหตุหนึ่งเท่านั้นที่ทำให้เกิดการเคลื่อนตัวของอาคาร โดยสาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้อาคารเกิดการเคลื่อนตัว ได้แก่ การสั่นสะเทือนและการขยายตัวของท่อ แรงดันน้ำ หรือความขยายตัวของทางโครงสร้าง

การเคลื่อนตัวของอาคารอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบท่อและไฟฟ้า ซึ่งทำให้ความเสี่ยงต่อการเกิดเพลิงไหม้สูงขึ้น นอกจากนี้ การเคลื่อนตัวของอาคารยังอาจทำให้ระบบป้องกันอัคคีภัยเชิงรุก เช่น ระบบตรวจจับไฟและควันหรือระบบหัวฉีดน้ำดับเพลิง มีประสิทธิภาพลดลง เนื่องจากทำให้ระบบจ่ายน้ำตัดการทำงานหรือก่อให้เกิดความเสียหายกับระบบท่อ ในสถานการณ์ดังกล่าว การปกป้องชีวิตของผู้ใช้อาคารจะตกไปอยู่กับระบบป้องกันอัคคีภัยเชิงรับเป็นหลัก เนื่องจากเป็นระบบที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาไฟฟ้าหรือน้ำ

Greatest repair costs after an earthquake

ความสำคัญของวัสดุป้องกันไฟลามของระบบโครงสร้างรอง

ในอดีตที่ผ่านมา งานวิศวกรรมแผ่นดินไหวจะเน้นไปที่การออกแบบองค์ประกอบทางโครงสร้างหลัก เพื่อป้องกันการพังทลายของอาคาร

อย่างไรก็ตาม แนวคิดดังกล่าวได้เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน โดยมีการคำนึงถึงองค์ประกอบที่ไม่ใช่โครงสร้างหลักด้วยเช่นกัน โดยมีข้อเท็จจริงที่น่าสนใจ เช่น:

  • องค์ประกอบโครงสร้างรองของอาคารมีส่วนสำคัญ เพื่อให้แน่ใจว่างานระบบที่มีความสำคัญนั้นยังคงสามารถทำงานต่อได้ เช่น ระบบจ่ายน้ำและไฟฟ้า (ท่อและสายไฟ) ระบบฉุกเฉิน (ระบบสัญญาณเตือน) ระบบป้องกันอัคคีภัยเชิงรับ (การแบ่งส่วนอาคาร) และระบบป้องกันอัคคีภัยเชิงรุก (หัวฉีดน้ำดับเพลิง)
  • ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า การลงทุนกับส่วนประกอบโครงสร้างรองมีสัดส่วนสูงกว่ามากเมื่อเทียบกับการลงทุนกับส่วนประกอบทางโครงสร้างหลัก โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ 50-70% ของมูลค่าการลงทุนรวมของอาคาร
  • นอกจากนี้ ข้อบังคับอาคารยังมีความเข้มงวดมากขึ้นในส่วนขององค์ประกอบโครงสร้างรอง โดยเฉพาะกับอาคารสาธารณะ เช่น โรงพยาบาลหรือโรงเรียน

ความสามารถในการรองรับการเคลื่อนตัวของผลิตภัณฑ์ป้องกันไฟลาม

เนื่องจากการที่ข้อบังคับอาคารมีความเข้มงวดมากขึ้นในส่วนขององค์ประกอบที่ไม่ใช่โครงสร้าง ผู้ผลิตจึงต้องจัดหาผลิตภัณฑ์ป้องกันไฟลามที่ผ่านการทดสอบตามมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก เช่น EN หรือ ASTM

มาตรฐานการทดสอบนั้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยทุกปีจะมีการเผยแพร่มาตรฐานฉบับใหม่เพื่อรองรับความต้องการของอุตสาหกรรมและเพิ่มความปลอดภัยให้ชีวิต

ตัวอย่างหนึ่งคือ มาตรฐาน ASTM E-3037 ซึ่งเผยแพร่เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2016 โดยมีหัวข้ออย่างเป็นทางการคือ “วิธีการทดสอบเพื่อวัดความสามารถในการรองรับการเคลื่อนตัวสัมพัทธ์ของวัสดุป้องกันไฟลามสำหรับช่องเปิด” มาตรฐานใหม่นี้ได้กลายเป็นแนวทางการทดสอบเพื่อประเมินความสามารถในการรองรับการเคลื่อนตัวของวัสดุอุดปิดช่องเปิด เช่น ช่องเปิดสำหรับเดินท่อและสายไฟ ผลิตภัณฑ์ของฮิลติผ่านการทดสอบสองทิศทางแบบเป็นรอบ จากนั้น จึงทำการทดสอบการทนไฟ ผลการทดสอบที่ได้จะแบ่งออกเป็นระดับ A, B หรือ C โดยระดับ A หมายถึงมีประสิทธิภาพการรองรับการเคลื่อนตัวสูงสุดในทิศทางที่กำหนด

Movement tests with firestop blocks

Movement test in perpendicular direction

Movement tests with firestop blocks

Movement test in parallel direction

ฮิลติทำการทดสอบผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ของเรา ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ชนิดยาแนว เช่น FS-ONE Max ไปจนถึงวัสดุป้องกันไฟลามสำเร็จรูป เช่น ปลอกหรือบล็อกแบบติดตั้งเร็ว ซึ่งการทดสอบทั้งหมดให้ผลเป็นที่น่าพอใจ โดยในส่วนของวัสดุป้องกันไฟลามสำเร็จรูปนั้น ให้ผลการทดสอบที่ดีเยี่ยมเมื่อเทียบกับวัสดุป้องกันการลามไฟแบบเดิม เช่น ปูนกันไฟลามหรือแผ่นเคลือบสีกันไฟลาม

สำหรับงานอุดปิดรอยต่อและเปลือกอาคาร จะมีการทดสอบความสามารถในการรองรับการเคลื่อนตัวตามมาตรฐาน ASTM E1399 โดยผลิตภัณฑ์ทุกรุ่นของฮิลติถูกนำไปทำการทดสอบดังกล่าวและให้ผลเป็นที่น่าพอใจมากในด้านความสามารถในการรองรับการเคลื่อนตัว

การทดสอบต่างๆ ของผลิตภัณฑ์ฮิลติได้รับการรับรองโดยหน่วยงานอิสระ เช่น Underwriters Laboratories (UL) และมีการแสดงความสามารถในการรองรับการเคลื่อนตัวตามข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องของ UL

ฮิลติมุ่งมั่นในการปรับปรุงความปลอดภัยในชีวิตภายในอาคารอย่างต่อเนื่อง โดยการพัฒนาและทดสอบผลิตภัณฑ์ป้องกันไฟลามของเราอย่างเข้มงวดตามมาตรฐานอุตสาหกรรมล่าสุด